ผู้เขียน จัดเรียงและเขียนบทความนี้ขึ้น เนื่องจากความไม่สบายใจจากสถานการ์ณและเหตุการ์ณที่เกิดขึ้นกับคนยุคสมัยใหม่ เนื่องด้วยข่าวการฆ่าตัวตายของคนรุ่นใหม่จากความคาดหวังและผิดหวังกับชีวิตที่เกิดขึ้นหวังว่า บทความนี้จะช่วยให้ผู้อ่านรู้สึกมีกำลังใจในชีวิต และเข้าใจถึงการมีชีวิตอยู่ต่อไป
รูปภาพจากช่องข่าว BBC News ไทย
ปฎิเสธไม่ได้เลยว่า โรคร้ายที่มาแรง อย่าง โรคซึมเศร้า ภัยร้ายเงียบที่ก่อตัวขึ้นในมนุษย์ชาติกำลัง ลุกลามและแพร่พันธุ์อย่างรวดเร็ว
และดูเหมือนจะเติบโตได้ ง่ายและไว ในกลุ่มวัยรุ่น และวัยทำงาน ท่ามกลางความตึงเครียดของ เศรษฐกิจ การเงิน ความสัมพันธ์ และครอบครัว
สุดท้ายอาการกำเริบและรุนแรงมากขึ้น จนทำให้บางคนต้องจบชีวิตลงไปอย่างน่าเศร้า (ผู้เขียนรู้สึกเสียใจและขอให้ผู้ล่วงลับไปสู่สุขคติ)
เหตุใดหนอ ทำให้พวกเขาทั้งหลายล้วนจมอยู่กับความทุกข์ใจเช่นนี้
ในปัจจุบัน เราทุกคนอยู่ในยุคสมัยของทุนนิยม ทุกคนต่างต่อสู้และดิ้นรนกันเพื่อ ความอยู่รอด อาหาร น้ำ ทรัพยากร บ้าน รถ ที่ดิน เราทำงานหนัก เพื่อเป็นหลักประกันในชีวิต
ว่าเราจะสามารทมีชีวิตที่เป็นสุขและปลอดภัยห่างไกลจากความอดยากหิวโหยและความยาก ลำบากได้
จริงหรือ? การที่เราเป็นคนร่ำรวย มีสุขภาพที่ดี มีบ้านและที่ดิน ช่วยให้เราคลายกังวลเกี่ยวกับชีวิตได้
หากผู้อ่าน ได้ อ่านบทความเกี่ยวกับการถกเถียง กันระหว่าง นีล บอร์ และ ไอนสไตล์ ถึงแม้ เราจะทราบตัวแปรทุกอย่างอย่างชัดเจน เราไม่สามารทคำนวนอนาคตออกมาได้
ด้วยเหตุนี้หรือเปล่า จึงเกิดความทุกข์ ขึ้นมา มันเป็นเพราะ เรามีความหวัง คาดหวัง อยู่แบบนี้ตลอดเวลา มันเลยทำให้ชีวิตเป็นทุกข์
เราคิดกันตลอดเวลา ไม่เคยมีเวลาแม้แต่ให้สมองหยุดคิด คิดมากเข้า พอคิดไม่ออกก็เกิดความเครียดขึ้นมา สมองยิ่งทำงานหนักขึ้นเรื่อยๆ
การมีความหวัง เป็นเรื่องที่ดี ทุกคนควรมีความหวัง แต่สิ่งที่ตามมาจากความหวังคืออะไร หาก ผลลัพธ์มันไม่ได้เป็นอย่างที่เราตั้งใจไว้
ที่กล่าวมาคือ อยากให้ ผู้ที่มีความหวังทั้งหลายทำใจยอมรับกับสิ่งที่จะตามมาด้วยได้บ้าง เป็นไปได้หรือที่ทุกคนที่ลงมือทำ จะสามารทประสบกับความสำเร็จได้อยู่ตลอด
หยุดคิด
ถึงแม้เรา ไม่คิด เราก็ยังรับประทานอาหารได้ปกติ ใช่หรือไม่ ? ถึงแม้เราไม่คิดเราก็สามารททำงานประจำที่เราทำอยู่ได้ใช่หรือไม่ ?
ทั้งหมดที่กล่าวมาเราก็อาศัยความเคยชินในการทำเป็นกิจวัตรอยู่แล้ว
ถ้า เราไม่คิดว่าว่าเรา เครียด เราก็คงไม่ต้องไปหาสิ่งบรรเทาความทุกข์จากภายนอกมาบำบัด เช่น เหล้า,ยา
ถ้าเราไม่คิดว่า ทำไมเราถึงยากจน เมื่อไหร่จะรวยเหมือนคนอื่น เราคงไม่ดั้นด้นตัวเองเพื่อให้มั่งมีขึ้นไม่ว่าด้วยวิธีการไหนก็ตาม
ถ้าเราไม่คิดว่า เราทำดีต่อทุกคน แล้วเราหวังว่าเขาจะดีตอบกลับเรา เราคงไม่ผิดหวัง
ความอยากได้ อยากมี อยากเป็น สิ่งทั้งหลายเหล่านี้มันทำให้ เรา คิด อยู่หรือเปล่า
หวังว่า ผู้อ่าน ที่มีความทุกข์อยู่นั้น จะหยุดคิดได้บ้าง และดำเนินชีวิตต่อไปแบบปกติได้
ทั้งนี้ทั้งนั้น ผู้เขียนอยากให้มองในมุมมองของความเป็นจริง ก่อน จะมองเป็นธรรมมะ เนื่องด้วย คนส่วนมากหรือแทบจะทั้งหมด มองเห็นทุกสิ่งตามความเป็นจริง หรือ รูปธรรมมากกว่า ผู้เขียนจึงไม่อยากยกตัวอย่างในเรื่อง นามธรรม
ใช้ชีวิต อยู่กับ ปัจจุบันบ้าง เรื่องของอนาคต เราในที่นี้ล้วนเคยเป็น คาดเดาเอากันเองว่า ชีวิตต้องเป็นแบบนั้นแบบนี้
ซึ่งในความเป็นจริง ชีวิต มักไม่ได้เป็นแบบที่เราออกแบบไว้ เสมอไป
ดู หัวใจ ของตนเองก่อน จะให้คนอื่นมาตัดสินในตัวเรา
คำพูด ของคนอื่นมีค่าแค่ไหนกัน เมื่อเทียบกับ ใจของเราเอง
คนอื่นก็พูดเกี่ยวกับตัวเราได้ แต่ลึกๆแล้ว คำพูดเหล่านั้นมีค่าแค่ไหนกัน ในเมื่อ ใจเราไม่เป็นในแบบที่ผู้พูดกล่าว
เรามีความสุขกับสิ่งที่เราเป็น หรือสิ่งที่คนอื่นคิด มองดูตัวเราก่อน จะไปเปรียบเทียบกับผู้อื่น
คนอื่นก็ คือคนอื่น เขาได้ เขามี เขาเป็น ก็เป็น เหตุปัจจัย และ ผลลัพธ์ของเขาเอง จะมาเทียบกับเราได้อย่างไร ตัวแปรก็ต่างกัน สถานที่ก็ต่างกัน เหตุก็ต่างกันแล้ว
เราอยู่ได้ด้วยใจของเราเอง
The author has arranged and written this article due to the discomfort from the situation and events that occur to people in the modern era.
Due to the news of suicide among the new generation due to expectations and disappointment with life that occur, it is hoped that this article will help readers feel encouraged in life and understand how to continue living.